RSA – Responsible Service Alcohol

การอบรมการบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Service of Alcohol – RSA)
เป็นพื้นฐานที่ทำให้คุณมีคุณสมบัติในการขาย เสิร์ฟ หรือจัดหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
ในการขาย เสิร์ฟ หรือจัดหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) คุณต้องผ่านการอบรม RSA จากผู้ให้บริการอบรมที่ได้รับอนุมัติ หากคุณเป็นผู้ที่เพิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือคุณเคยผ่านการอบรม RSA มาแล้วเกิน 5 ปี คุณจำเป็นต้องเข้าอบรมหลักสูตรเต็มอีกครั้ง
ใครควรเข้ารับการอบรม RSA
การอบรม RSA ใช้บังคับกับ:
-
เลขานุการสโมสรและกรรมการสโมสร (หากมีการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์)
-
ผู้ได้รับใบอนุญาตและผู้จัดการ
-
พนักงานบริการ
-
เจ้าหน้าที่ RSA marshal
-
เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน
-
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
-
พนักงานฝ่ายส่งเสริมการขาย
FSS – Food Safety Supervisor

ผู้ควบคุมความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety Supervisors – FSS)
มีหน้าที่กำกับดูแลการจัดการอาหารในแต่ละวัน และมั่นใจว่าความเสี่ยงได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
โครงการ FSS ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) ช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกำหนดตาม Food Standards Code, NSW Food Act และ Food Regulation
บทบาทของ FSS คือการลดความเสี่ยงที่ลูกค้าจะเจ็บป่วยจากอาหารเป็นพิษ ซึ่งมาจากการจัดการและการเตรียมอาหารที่ไม่ถูกต้อง
สถิติแสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติด้านการจัดการอาหารที่ไม่ถูกต้องในธุรกิจอาหารค้าปลีกและการบริการ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50% ของการระบาดของโรคที่เกิดจากอาหารใน NSW ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชุมชนรวมมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี ทั้งจากค่ารักษาพยาบาลและรายได้ที่สูญเสียไป
การแต่งตั้ง FSS ช่วยให้ธุรกิจอาหารมีมาตรการปกป้องความปลอดภัยของอาหารในสถานที่ที่ดียิ่งขึ้น และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคเมื่อออกไปรับประทานอาหาร ซื้อกลับบ้าน หรือซื้ออาหารในรัฐ NSW
ใครควรเข้ารับการอบรม FSS
ผู้ควบคุมความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety Supervisor – FSS) จะได้รับการแต่งตั้งโดยเจ้าของธุรกิจอาหาร และอาจเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้จัดการ หรือพนักงาน (เช่น เชฟ) ได้ หากบุคคลนั้น:
-
ไม่ได้เป็น FSS ให้กับสถานประกอบการอาหารอื่นหรือธุรกิจจัดเลี้ยงเคลื่อนที่
-
สามารถอบรมและกำกับดูแลบุคคลอื่นในธุรกิจเพื่อให้มั่นใจว่ามีการจัดการอาหารอย่างปลอดภัย (Food Act 2003 –Section 106B(1c))
-
สามารถติดต่อได้ง่ายและพร้อมใช้งานอย่างเหมาะสม (เช่น ทางโทรศัพท์)
สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก อาจเหมาะสมที่สุดที่เจ้าของธุรกิจจะทำหน้าที่เป็น FSS เอง
สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีชั่วโมงการทำงานยาวนาน อาจเลือกแต่งตั้งบุคคลหลายคนให้เข้ารับการอบรมและทำหน้าที่เป็น FSS เพื่อครอบคลุมงานกะและการลาหยุดประจำปี